วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556
ปราสาทโอซาก้า
ประโยชน์ของมะกรูด
สรรพคุณ / ประโยชน์ของมะกรูด
ขับลมแก้จุกเสียด วิธีใช้
1. ตัดจุกผลมะกรูดคว้านไส้กลางออกเอามหาหิงส์ใส่แล้วปิดจุก นำไปเผาไฟจนดำเกรียมบดเป็นผงละลายกับน้ำผึ้งรับประทาน จะช่วยขับลม แก้ปวดท้องหรือป้ายลิ้นเด็กอ่อน เป็นยาขับขี้เทาได้
2. น้ำมะกรูดใช้ถูกฟัน แก้เลือดออกตามไรฟัน
3. เอาผลมะกรูดมาดอง เป็นยาดองเปรี้ยวรับประทานขับลมขับระดู
4. เปลือกผลฝานบาง ๆ ชงน้ำเดือดใส่การะบูรเล็กน้อย รับประทานแก้ลมวิงเวียน
5. เปลือกฝนใช้ผสมในเครื่องสำอางบางชนิด เช่น แชมพู สบู (เชษฐา, 2525)
ขนาดการใช้และผลที่ได้รับจากการรักษาโรค
- แก้ลม บำรุงหัวใจ ใช้ผิวสดหั่นเป็นชิ้น ผสมการะบูรหนึ่งหยิบมือ ชงน้ำเดือด คนให้ละลาย ปิดฝาทิ้งไว้ 3 – 5 นาที ดื่มเอาแต่น้ำ ช่วยให้ระบบไหลเวียนของโลหิตดี
- ยาขับเสมหะ แก้ไอ ใช้ผลมะกรูดผ่าซีกเติมเกลือลนไฟให้เปลือกนิ่มบีบน้ำมะกรูดลงในคอทีละน้อย ๆ
- เป็นยาสระผมหรืออาบ นำมะกรูดผ่าซีกลงในหม้อต้มอาบได้น้ำมันหอมระเหยอยู่บนผิวทำให้ผิวไม่แห้ง และรสเปรี้ยวของมะกรูดช่วยให้อาบสะอาดนอกจากนี้ใช้มะกรูดผ่าซีกเอาน้ำมาสระผม
นอกจากมะกรูดจะยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ได้ดีแล้วยังมีรายงานว่าน้ำมันจากใบมะกรูดจะกระตุ้นการเจริญของเชื้อราบางชนิดได้อีกด้วย เช่น กระตุ้นการสร้างเส้นใยของราพวกมูเคอร์ อัลเทอร์นาเรีย แอสเปอร์จิลลัส และกระตุ้นการสร้างสปอร์ของแอสเปอร์จิลลัส (บัญญัติ, 2527)
สารเคมีที่สำคัญ
สารเคมีที่สำคัญที่พบในมะกรูดนี้จะอยู่ในส่วนของน้ำมันหอมระเหยซึ่งมีทั้งในส่วนใบและเปลือกของผลที่เรียกว่า ผิวมะกรูด โดยที่ผิวมะกรูดจะมีน้ำมันหอมระเหย 4 เปอร์เซ็นต์ และใบจะมีน้ำมันหอมระเหย 0.08 เปอร์เซ็นต์
มะกรูดเป็นพืชเครื่องเทศและพืชสมุนไพรมนุษย์ได้รู้จักนำเอาประโยชน์ที่ได้รับจากมะกรูดเป็นยารักษาโรคหรือส่วนผสมของยา ช่วยแก้อาการท้องอืด ช่วยให้เจริญอาหาร ใช้ดองยาเพื่อใช้ฟอกเลือดและบำรุงโลหิตสตรี เนื้อของผลใช้เป็นยาแก้อาการปวดศีรษะและระงับการไอ ส่วนใบใช้ในการดับกลิ่นคาวในอาหารใช้เป็นยาขับลมในลำไส้ แก้จุกเสียด และผลมะกรูดที่คว้านไส้ออกนำมหาหิงค์ใส่แทนใช้เป็นยาแก้ปวดท้องในเด็กอ่อน ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องหอมและเครื่องสำอางและน้ำของมะกรูดมีกรด Citric ช่วยขจัดคราบสบู่ (ด่าง) ที่หลงเหลืออยู่ น้ำมันจากผิวมะกรูดช่วยให้ผมดกเป็นเงางาม นอกจากนี้ผิวมะกรูดจะมีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ต่าง ๆ ได้ เพื่อกำจัดรังแคที่มาจากเชื้อรา
ปลาช่อนอเมซอน
![ปลาช่อนอเมซอน](http://img.kapook.com/image/pet/Arapaima2.jpg)
ปลาอะราไพม่าหรือปลาช่อนอะเมซอน (สถาบันวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง)
เรียบเรียงโดย สุจิตรา จันทร์เมือง
ปลาอะราไพม่าหรือ พิรารูดู Pirarucu (ชื่อพื้นเมืองของชาวบราซิล) และ PAICHE (ชื่อพื้นเมืองของชาวเปรู) ส่วนคนไทยรู้จักกันในนาม "ปลาช่อนอเมซอน" จัดเป็นปลาที่อยู่ในตระกูลเดียวกับ ปลามังกร หรือ ปลาอะโรวาน่า คือ Family Osteoglossidae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Arapaima gigas
ปลาช่อนอเมซอน จัดเป็นยักษ์ใหญ่ของสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำของโลกและสำหรับนักเลี้ยงปลาทุกคน มันถูกจัดเป็นปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง เจริญเติบโตได้เร็วมาก มีความยาวได้ถึง 4 เมตร มีน้ำหนักถึง 400 กิโลกรัม ปลาช่อนอเมซอน เป็นปลาเนื้อดีกินอร่อยของชาวบ้านในประเทศ บราซิล เปรู และโคลัมเบีย
ทั้งนี้ ปลาช่อนอเมซอน เป็นปลาที่มีแรงเยอะ ว่ายน้ำและกระโดดเก่งมาก รอบตัวของมันปกคลุมด้วยเกล็ดสีเขียวเหลือบขนาดใหญ่ ท้องเป็นสีขาว โคนหางมีเกล็ดสีแดงกระจัดกระจายอยู่ทั่ว คนไทยส่วนใหญ่นิยมเรียกกันว่า "กุหลาบแดง"
ในอเมริกาใต้ ปลาช่อนอเมซอน เป็นปลาที่นำมากินเป็นอาหาร ส่วนบ้านเราสั่งเข้ามาเลี้ยงเป็น ปลาประหลาดราคาแพง ต้องทำตู้ทำบ่อเลี้ยงกันราคานับแสนบาท ปลาช่อนอเมซอน ถูกจัดเป็นปลาที่อยู่ในกฏเกณฑ์ของการอนุรักษ์สัตว์ของโลกโดย IUCN (International Union for Conservation of Nature and Natural Resources) ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในประเทศอังกฤษ และได้มีการประชุมทางอนุรักษ์สัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ ของโลกไม่ให้สูญพันธุ์ ถึงกับมีข้อตกลงห้ามสั่งเข้าหรือส่งออกปลาดังกล่าวได้โดยเสรี
ส่วนประเทศที่สั่ง ปลาช่อนอเมซอน ที่ระบุชื่่อไว้ก่อนกฏ หรือข้อตกลงใช้บังคับให้ตรวจนับจำนวนแน่นอน หรือส่งปลานั้นคืนประเทศต้นสังกัด เพื่อให้ประเทศที่เป็นถิ่นกำเนิดของสัตว์ชนิดนั้น พยายามเพาะพันธุ์และอนุรักษ์ไว้ให้ได้ ส่วนในประเทศไทยยังไม่ได้ประกาศใช้กฏนี้เป็นทางการ ดังนั้น ปัจจุบันจึงยังมีการสั่งปลาชนิดนี้เข้ามาขายกันอย่างเสรี จากสถิติมีผู้บันทึกไว้ว่า ในปี พ.ศ.2528 ที่ผ่านมา มีการขออนุญาตนำ ปลาช่อนอเมซอน เข้าไทยประมาณ 300 กว่าตัว
![](http://img.kapook.com/image/icon/kapook-18012-5440.gif)
ด้วยสาเหตุที่ ปลาช่อนอเมซอน มีร่างกายขนาดใหญ่โต มันจึงเป็นปลาที่ดูสง่างามอย่างเห็นได้ชัดที่สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ปลาช่อนอเมซอน จะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการว่ายน้ำเล่นไปมารอบ ๆ ตู้ปลา โดยจะมีการว่ายน้ำคดเคี้ยวไปมาเหมือนงู ปลาช่อนอเมซอน จัดเป็นปลาที่น่าสนใจ ตามประวัติมีการขุดพบฟอสซิล (Fossil) ของปลาชนิดนี้ ทำให้สามารถคำนวณอายุของปลาชนิดนี้ได้ว่าได้กำเนิดมาในโลกนี้ เมื่อประมาณกว่า 100 ล้านปีมาแล้ว และยังคงรูปร่างทรงเดิม
ปลาช่อนอเมซอน จึงจัดว่าเป็นปลาโบราณ มีเกล็ดใหญ่ ปากกว้าง มีฟันซึ่งแม้จะไม่ค่อยเจริญได้ดีแต่ก็สามารถไล่งับหรือฮุบปลากินเป็นอาหารได้ ลักษณะพิเศษของ ปลาช่อนอเมซอน คือ มีอวัยวะเป็นถุงลมอยู่ภายในช่องท้องคล้ายปอด เพราะมีเส้นเลือดฝอยกระจายกันอยู่ทั่วและสามารถเปลี่ยนออกซิเจนได้เช่นเดียวกับปอดมนุษย์เราด้วย
สำหรับลักษณะที่เป็นความสวยเฉพาะตัวของ ปลาช่อนอเมซอน คือ รูปร่างที่มีขนาดใหญ่ มีสีดำเงาเป็นมัน ครีบบน ครีบล่างมีตำแหน่งค่อนไปทางหาง มีแถบสีแดง-ส้มตัดกับพื้นสีดำ หัวแข็งคล้ายกระดูก มีการว่ายน้ำที่ช้าทำให้ดูสง่างาม ปกติชอบว่ายอยู่ใกล้ผิวน้ำและจะต้องขึ้นมาฮุบอากาศทุก ๆ 5-20 นาทีขึ้นอยู่กับขนาดของมันด้วย ถ้าเป็นปลาขนาดเล็กก็จะขึ้นมาฮุบอากาศทุก ๆ 5 นาที แต่ถ้าเป็นขนาดใหญ่ก็จะขึ้นมาฮุบอากาศทุก 18-20 นาที ปลาช่อนอเมซอน เป็นปลาที่ชอบอาศัยในแหล่งน้ำตื้น ถึงแม้จะมีขนาดที่ใหญ่โต และว่ายน้ำช้า ๆ แต่มีความว่องไวมากในยามกินเหยื่อ เคยมีผู้พบเห็น ปลาช่อนอเมซอน ขนาด 2 เมตร ฮุบกินปลาเทพาขนาดคืบกว่าที่มาแย่งโฉบกินเหยื่อ พร้อมกันทีละ 2 ตัวในชั่วพริบตาเดียว
ที่มา http://pet.kapook.com/view5041.html
กรุงโรม
โรม (อิตาลี: Roma; อังกฤษ: Rome) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นลาซีโอและประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ ในเขตตัวเมืองมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 2.5 ล้านคน ถ้ารวมเมืองโดยรอบจะมีประมาณ 4.3 ล้านคน โดยมีจำนวนประชากรใกล้เคียงกับมิลานและเนเปิลส์
นอกจากนี้ โรมยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน ซึ่งเป็นดินแดนที่ประทับของพระสันตะปาปาแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกอีกด้วย
หลังสิ้นสุดยุคกลาง โรมได้อยู่ภายใต้การปกครองของพระสันตะปาปา เช่น สมเด็จพระสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 6และสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 10 ผู้ซึ่งสร้างสรรค์ให้โรมกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาในอิตาลีเช่นเดียวกับฟลอเรนซ์[2] ซึ่งในยุคสมัยดังกล่าว ได้มีการก่อสร้างมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์แบบที่เห็นในปัจจุบัน และไมเคิลแองเจโลได้วาดภาพปูนเปียกประดับภายในวัดน้อยซิสตีนศิลปินและสถาปนิกที่มีชื่อเสียงอย่างบรามันเต แบร์นินี และราฟาเอล ซึ่งพำนักอยู่ในโรมเป็นครั้งคราว ได้มีส่วนช่วยสรางสรรค์สถาปัตยกรรมแบบสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาและแบบบารอกในโรมด้วยเช่นกัน
ใน พ.ศ. 2550 โรมเป็นเมืองที่มีผู้มาเยือนมากเป็นอันดับที่ 11 ของโลก มากเป็นอันดับสามในสหภาพยุโรป และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในอิตาลี[3] ศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ใจกลางเมืองได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก[4] นอกจากนี้ อนุสรณ์สถานและพิพิธภัณฑ์อย่างพิพิธภัณฑ์วาติกันและโคลอสเซียมยังจัดอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมมากที่สุด 50 อันดับแรกของโลก (พิพิธภัณฑ์วาติกันมีนักท่องเที่ยว 4.2 ล้านคนต่อปี และโคลอสเซียมมี 4 ล้านคนต่อปี)[5]
ที่มา : http://th.m.wikipedia.org/wiki/โรม
โนเกียลูเมีย 1020
ล่าสุด โนเกียประเทศไทยออกมาประกาศราคา Nokia Lumia 1020 แล้ว โดยจะวางจำหน่ายในราคา 24,990 บาท ตัวเครื่องมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเหลือง, สีขาว และสีดำ เปิดให้จองแล้ววันนี้ถึงวันที่ 25 กันยายน 2556 ที่โนเกียช้อปเท่านั้น เพียงวางมัดจำ 1,000 บาทต่อเครื่องแล้วนำใบจองมารับเครื่องได้ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน – 31 ตุลาคม 2556 ณ สาขาที่จองไว้ พิเศษเฉพาะผู้จอง 400 ท่านแรกรับฟรี ! Grip พร้อมแบตเตอรี่สำรองรุ่น PD-95G มูลค่า 2,450 บาท
สำหรับ Nokia Lumia 1020 มาพร้อมหน้าจอขนาด 4.5 นิ้วแบบ AMOLED ความละเอียด 1280x768 พิกเซล จอกระจก Gorilla Glass 3 พร้อมเทคโนโลยี PureMotion HD+ ClearBlack ใช้ซีพียู Snapdragon แบบ Dual-core ความเร็ว 1.5GHz แบบเดียวกับ Lumia 920/925, แรม 2GB มีหน่วยความจำภายใน 32GB กล้องด้านหน้า 1.2 ล้านพิกเซล มีรูรับแสง f/2.4 รองรับการถ่ายวิดีโอที่ 720p และรองรับ Bluetooth 3.0, NFC, Wi-Fi a/b/g/n
วิธีรักษาเส้นผม
มะนาว มีประโยชน์ต่อเส้นผม คือ จะช่วยดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะให้นุ่ม สวย แถมไม่ก่อให้เกิดรังแคอีกด้วย เพราะ มะนาวมีกรดเป็นธรรมชาติ ช่วยชำระล้างเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดออกอย่างอ่อนโยน ซึ่งน้ำมันจากมะนาวยังมีคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรียสามารถทำความสะอาดและคืน สมดุลให้กับหนังศีรษะและเส้นผมช่วยลดความมันได้อีกด้วย